หัวข้อ: 16-02-57
เริ่มหัวข้อโดย: nongnai ที่ กุมภาพันธ์ 04, 2014, 03:19:45 am
14 กุมภาพันธ์ 2014 วันแห่งความรัก
(http://www.chomromjaomueshuay.com/uploaded/happy.jpg)
หัวข้อ: Re: 16-02-57
เริ่มหัวข้อโดย: nongnai ที่ กุมภาพันธ์ 08, 2014, 07:46:45 am
(http://www.chomromjaomueshuay.com/uploaded/takian.jpg)
หัวข้อ: Re: 16-02-57
เริ่มหัวข้อโดย: nongnai ที่ กุมภาพันธ์ 09, 2014, 10:06:32 pm
ฮือฮา! พบปลาไหลเผือกตัวเขื่องในสระพระแม่ธรณีบีบมวยผม
ลำปาง - พระสงฆ์-ชาวบ้าน ร่วมพิธีเปิดวัด-เปิดป่า บนดอยเมืองลำปาง หลังร้างมานานเกือบ 40 ปี พากันตะลึงทั้งบางหลังทำความสะอาดสระน้ำรูปปั้นพระแม่ธรณีบีบมวยผม เจอปลาไหลเผือกตัวเขื่องยาวกว่าครึ่งเมตร ลำตัวอวบอ้วน แถมสุดเชื่อง พอข่าวแพร่คนแห่ดูต่อเนื่อง
(http://upic.me/i/yr/557000001599101.jpeg) (http://upic.me/show/49528521)
พระสงฆ์วัดม่อนสบเฟือง หมู่ 2 ต.บ้านเอื้อ อ.เมืองลำปาง วัดที่อยู่บนเขาสูงประมาณ 500 เมตร พร้อมด้วยชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ได้มาช่วยกันทำความวัด และสระน้ำ ซึ่งมีพระแม่ธรณีบีบมวยผมอยู่กลางสระ เย็นวานนี้ (8 ก.พ.) เพื่อเปิดป่า และเปิดวัด หลังจากเป็นวัดร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ไม่มีใครมาดูแลจนสภาพเสื่อมโทรมมาเกือบ 40 ปี
และในปีนี้เป็นปีแรกที่พระศุภชัย นรินโท หัวหน้าพระสงฆ์ 27 รูป จาก 20 จังหวัดที่มาร่วมทำปริวาสกรรม ณ วัดแห่งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.57 ที่ผ่านมา และจะเสร็จสิ้นในวันที่ 10 ก.พ.นี้ ต้องการเปิดป่า-เปิดวัด เพื่อบูรณะใหม่
แต่เมื่อชาวบ้านช่วยกันทำความสะอาดสระน้ำ ด้วยการขุดเอาโคลนสีดำที่อยู่ในสระออกทิ้ง และเหลือติดก้นสระประมาณ 30 ซม. ก็ต้องตะลึงกันถ้วนหน้าเมื่อพบปลาไหลเผือกตัวเขื่องตัวหนึ่งอยู่ในสระ
(http://upic.me/i/g9/557000001599102.jpeg) (http://upic.me/show/49528522)
เมื่อพระสงฆ์ ให้ชาวบ้านนำถังตักปลาไหลเผือกขึ้นมาไว้ในอ่างน้ำ ก็พบว่าปลาไหลเผือกตัวดังกล่าวมีความสมบูรณ์มาก ยาวกว่า 60 ซม. วัดรัศมีรอบตัวได้ประมาณ 5 ซม. และยังพบว่า เป็นปลาที่เชื่องไม่กลัวคน สังเกตได้จากขณะที่พระใช้มือแตะที่ตัวปลาปลาจะนิ่งไม่ว่ายน้ำไหล
หลังจากนั้น พระสงฆ์จึงได้ให้ชาวบ้านนำปลาปล่อยลงในสระเช่นเดิม เมื่อทางวัดตีระฆังปลาไหลเผือกจะโผล่ขึ้นจากน้ำมาอยู่บนก้อนหินด้วย
และเมื่อชาวบ้านที่ได้พบเห็นพากันบอกต่อ ทำให้หลายคนที่รับรู้ได้ทยอยมาดูปลาไหลกันอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้ (9 ก.พ.) ก็ยังคงมีคนมาเข้าไปดูไม่ขาดสาย บางคนได้ตีเป็นเลขเด็ดตามความเชื่อ
พระศุภชัย ได้กล่าวว่า วัดม่อนสบเฟืองแห่งนี้ เริ่มสร้างพระธาตุ พร้อมกับสระน้ำแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2520 แต่หลังจากนั้นวัดก็ร้าง ไม่มีพระ ไม่มีใครมาดูแล เนื่องจากอยู่บนเนินเขา ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ สระน้ำแห่งนี้ก็อาศัยน้ำฝนที่ตกลงมาขัง มีน้ำไม่มากนัก ประกอบกับใบไม้ปลิวตกหล่นอยู่ในสระ และไม่เคยมีใครมาทำความสะอาดเลย จนมีดินโคลนสีดำเต็มไปหมด ในช่วงฤดูแล้งน้ำก็แห้ง เมื่อเข้าฤดูฝนก็จะมีน้ำฝนที่ตกลงมาทำให้อ่างน้ำแห่งนี้มีน้ำ
จนกระทั่งปีนี้ ตนเห็นว่า วัดแห่งนี้ซึ่งมีพระธาตุอยู่ และขาดการดูแลมายาวนาน ทำให้ทรุดโทรมจึงได้คิดบูรณะโดยการเปิดป่า เปิดวัด และทำพิธีปริวาสกรรมขึ้น โดยมีพระสงฆ์จาก 20 จังหวัด จำนวน 27 รูป เข้าร่วมพิธีเป็นเวลา 10 วัน
พร้อมกับให้ชาวบ้านมาร่วมทำความสะอาดวัด และสระน้ำ เพื่อให้สะอาดสะอ้านขึ้น แต่ก็โชคดีที่ได้พบปลาไหลเผือกตัวใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี หลังจากนี้ตนก็จะได้ประสานงานทาง อบต.บ้านเอื้อม นำน้ำมาเติมในสระ และจะเลี้ยงดูปลาไหลตัวนี้ต่อไปโดยไม่ให้ใครมาจับไปปล่อยที่อื่นเพราะถือว่าเขามาเอง และคงอยากอยู่ที่แห่งนี้
หัวข้อ: Re: 16-02-57
เริ่มหัวข้อโดย: nongnai ที่ กุมภาพันธ์ 12, 2014, 07:08:09 am
หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต เกจิดัง จ.อุบลฯ มรณภาพแล้ว
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลศิริราช นำศพกลับวัดกุดชุมภูวันพรุ่งนี้
(http://www.chomromjaomueshuay.com/uploaded/kumbu.jpg)
ซึ่งหลวงปู่คำบุ ถือเป็นพระสงฆ์ที่เล่าขานกันว่าทรงคุณพุทธาคมเข้มขลัง แห่งวัดกุดชมภู ต.กุดชมภู อ.พิบูลมังสาหารจ.อุบลราชธานี
ท่านเป็นศิษย์สายตรงของพระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) แห่งวัดทุ่งศรีเมือง และอดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี
พระเกจิอาจารย์ผู้มีความเข้มขลังมีพลังจิตสูง มิ หลวงปู่คำบุถือกำเนิดเกิด ณ บ้านกุดชมภู เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2465
ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีจอ เกิดในตระกูล คำงาม โยมบิดา-มารดา ชื่อนายสาและนางหอม คำงาม ครอบครัวทำนาทำสวน
มีชื่อ-นามสกุลเดิมว่า คำบุ คำงาม ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คน กาลต่อมาท่านเจริญวัยขึ้น มีอายุอันสมควร
บิดามารดาได้ให้บรรพชาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดกุดชมภู โดยมี พระครูญาณวิสุทธิคุณ (กอง) วัดตากโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์
ภายหลังบวชท่านได้มีโอกาสเดินทางไปกราบไหว้ พระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) วัดทุ่งศรีเมือง เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี
และได้รับความเมตตาโอบอ้อมอารีจากหลวงปู่รอดเป็นอย่างยิ่ง อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ.2486 ได้รับฉายาว่า "คุตตจิตโต"
มีพระครูสาธุธรรมจารี (สา) วัดดอนจิก เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่คำบุได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมจากพระอาจารย์ที่มีความ
ชำนาญด้านพระคาถาต่างๆหลายรูปจนวิชาแกร่งกล้า จึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดกุดชมภูจนถึงปัจจุบัน และมรณะภาพลงเมื่อบ่ายวันนี้ รวมอายุ 93 ปี พรรษา 73 พรรษา