)พระพุทธภาพถ่าย หรือไม่ รูปไหว้แทนพระพระพุทธเจ้า ในตำนานเรื่องพระแก่นจันทน์ได้มาพรรณาเหตุพระพุทธรูปองค์เริ่มแรกเก็บว่า ครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จจำพรรษาสำหรับพอใจพุทธมารดา ณ สวรรค์อันดับดาวดึงส์นั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ณเมืองสาวัตถี รูปร่างรำลึกถึงพระพุทธองค์เป็นอย่างมาก จึ่งโปรดฯมอบวางธุระหาไม้แก่นจันทน์หอมที่ดีที่สุด มาแกะสลักสลักเป็นพระพุทธภาพถ่ายอันงดงาม มีพุทธลักษณะดังพระพุทธองค์ แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานยังพระราชมณเฑียรครั้นพระบรมศาสดาเสด็จกลับจากดาวดึงส์ พร้อมด้วยเสด็จมายังเมืองสาวัตถี พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงทำนูลอาราธนาให้เสด็จทอดพระเนตรพระพุทธภาพถ่ายองค์ดังพูด เมื่อพระพุทธอวัยวะอยู่ไปถึง พระพุทธรูปตัวไม้แก่นจันทน์ได้ขยับอวัยวะจากพระแท่นที่ติดตั้ง เพื่ออุทิศความเคารพพระศาสดา คราวนั้นพระพระพุทธเจ้าองค์จึงทรงยกพระหัตถ์ซ้ายขึ้นห้าม พระไม้แก่นจันทน์แล้วก็กลับไปประทับยังพระที่รองที่เดิม พระเจ้าปเสนทิโกศลมองเห็นตัวอย่างเช่นนั้นก็ภิญโญเกิดความเลื่อมใสศรัทธา แต่ตำนานนั้นคีบว่ายังมิเชี่ยวชาญหาหลักฐานได้ส่วนการก่อพระพระพุทธเจ้ารูปร่างจริงๆ ตรงนั้นเริ่มมีการสร้างขึ้นมาตั้งแต่ระหว่าง พ.ศ. 500 ถึง 550 (ก่อนหน้านั้นยังเปล่า โรงหล่อพระ
แต่เดิมนั้นพระพุทธพระศาสนาไม่มีรูปเคารพแต่อย่างใด ศาสนาศาสนาพราหมณ์ ไม่ใช่หรือ ฮินดู ซึ่งมีมาก่อนศาสนาพระพุทธเจ้า ก็เปล่ามีรูปเคารพเป็นเทวรูปเยี่ยงขัดขวาง หลังจากพระพุทธเทวดาตายไปแล้ว ผู้ที่เลื่อมใสในศาสนาพุทธศาสนา อยากจะมีสิ่งที่จะทำให้คำนึงถึง หรือเป็นสัญญลักษณ์ขององค์ศาสดา เหตุด้วยที่จะบอกพูดสนทนาขาน เรื่องราวของตัวพระสัมมาสัมพุทธเจ้านาย ที่ทรงเรียนสืบค้นคว้าหาทางหมดลมหายใจเข็ญใจ และทรงชี้แนะสอนตะโกนสั่งผู้คน ถึงการประพฤติเพื่อมอบถึงถึงความเป็นอยู่ แห่งก่อสร้างให้เกิดความผาสุกในหมู่มวลมนุษย์และสิ่งมีชีพในโลกคราวแรกนั้นชาวพุทธก็ได้รับอย่างไรก็ตามนำเอาสิ่งของอันได้แก่ ดิน น้ำกิน พร้อมด้วยกิ้งก้าน ก้านดอกไม้ ใบโพธิ์ พลัดพรากบริเวณสังเวชนียสถาน 4 แห่ง คือ สถานที่เสด็จพระราชสมภพ (ลุมพินีวัน),ตรัสทราบ (พระพุทธเจ้าคยา), ปฐมเทศนา (มาตงค์นาถ) และปรินิพพาน (กุสินารา) เก็บมาเก็บเป็นที่รำลึกบูชาคุณพระพุทธเจ้าล่วงเลยมาบรรลุในสมัยพระเจ้านายอโศกอติราช พุทธศาสนูปถัมภกที่ยิ่งใหญ่พระตัวหนึ่ง ครั้น 2,200 ปีก่อน หรือหลังพลัดพรากการหมดลมขันธ์ของพระพุทธเจ้ามา 300 ปี พระเจ้าอโศกมหาราช ได้รับทรงส่งสมณะราชทูต ส่วนแบ่ง 500 รูป ไปเผยกางพระพุทธพระศาสนายังเมืองตักกศิลา แคว้นคันธาราฐ จึงมีชื่อสำเนียงในตำแหน่งเป็นเมืองที่สัมผัสสิทธิวิกลจริตพิทยาการต่าง ๆ มายเหมา
หมายถึงมหาวิทยาลัยแห่งแรกทางวิ่งพระพุทธศาสนา
แต่ก็ยังไม่มีรูปเคารพสนองพระศาสนาพุทธเจ้าแหล่งคือรูปถ่ายคน โรงหล่อพระ
( โรงหล่อพระ
พระพระพุทธรูปร่างรูปแรกจึงเกิดขึ้นในยุคข้าวของพระเจ้ามิลินท์ หรือเมนันเดอร์ที่ 1 ชาวกรีกที่มาปิดคลุมครองอาณาจักรคันธาราฐ เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 6 หรือ 2,000 ปีที่แล้วไปโน่นเอง พระศาสนาพุทธรูปที่เกิดขึ้นครั้งแรกจึ่งเรียกรูปแบบของพระพุทธรูปถ่ายนี้เหมา แม่พิมพ์คันธารฐ โดยถ่ายแบบแบบเทวรูปที่พันธมิตรชาวกรีกนับถือกันในยุโรปมาก่อสร้าง พระพุทธรูปร่างรูปแบบคันธาราฐแล้วจึงมีใบหน้าเหมือนฝรั่งชาวกรีก จีวรก็หมายความว่าริ้วเหมือนเครื่องนุ่งปกคลุมของเทวรูปกรีก และต่อมาในภายหลัง ราวพุทธศตวรรษ ที่ 4-12 มีคตินิยมสร้างพระพระพุทธเจ้ารูปเป็นขนาดเล็กๆ (พระเครื่อง) บรรจุไว้ในพระพุทธเจ้าเจดีย์ ปัจจุบันในประเทศไทยมี
โรงหล่อพระ โรงหล่อพระ
) เมื่อชาวกรินก ที่ชาวชมพูทวีป (อินเดียคร่ำคร่า) เรียกชาวต่างแดนนินทา
โยนา
หรือ
โยนก
โดยพระเจ้าเมนันเดอร์ที่ 1 หรือ พระยามิลินท์ กษัตริย์เชื้อสายลับมาตงค์ก ยกทัพกรินกเข้ามาหุ้มถือครองอาณาจักรคันธาราฐ (ปัจจุบันเป็นดินแดนของอัฟกานิสถานที่) ลูกจากตรงนั้นพระองค์ก็แผ่อาณาเขตไปทั่วบริเวณด้านดวงอาทิตย์ตกเฉียงเหนือของชมพูทวีป และสร้างเมืองหลวงเป็นที่ประทับ ณ เมืองสากล หลังจากที่ได้พบพระสงฆ์ลื้อหนึ่งนามว่า นาคีตะกั่วแดง จึงมีเรื่องราวแห่งการสถาปนาคำซักถามของพระเจ้ามิลินท์ต่อพระนาคราชเสน จนทำพระเจ้ามิลินท์ ทรงเลื่อมใสในพระพุทธพระศาสนา (คำตั้งคำถามคำกล่าวตอบปุจฉาคำตอบ ซึ่งแตะต้องเขียนบันทึกคือหนังสือและถอดความหมายเป็นภารดีต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงมาก เรื่องตรงนี้ก็คือ มิลินทปัญหาได้มีงานสร้างสถาปัตยกรรม พร้อมทั้งการแกะสลักแนวพุทธศาสนามากมายในแคว้นคันน้ำฐ ซึ่งการสร้างพระพุทธรูปตรงนั้นมีสัณฐานแตกต่างๆ ไล่ตามพุทธประวัติ (ปางพระพุทธรูป) โรงหล่อพระ