ชมรมเจ้ามือหวย
 
*
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน พฤศจิกายน 27, 2024, 11:11:43 am


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น


ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวด 16 กรกฎาคม 2565 รางวัลที่ 1 620405 รางวัล3ตัวหน้า 159 834 รางวัล3 ตัวท้าย 279 061 รางวัลเลขท้าย 2ตัว 53




เว็บโปรแกรมเจ้ามือหวย



ทำงานแบบมีหลักการ ไม่กล้าจนเกินตัว ไม่กลัวจนเกินเหตุ
ปณิธานของชมรมเจ้ามือหวย
ทางชมรมเจ้ามือหวย หวังแค่เพียงเพื่อนๆ อยู่กันแบบเป็นพี่เป็นน้อง จริงใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ร่วมมือกันในการแบ่งปันข้อมูล มีอะไรดีๆ ก็นำเสนอแก่เพื่อนสมาชิก เพื่อเป็นแนวทางในการทำงาน
หรือระวังป้องกันให้ชาวชมรมได้อยู่ในวงการตลอดไปนานเท่านาน
ขอบคุณจากใจจริง
nongnai


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แบ่งปันการรักษามะเร็งด้วยตนเองของคนเกาหลี  (อ่าน 1707 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
khunply988Topic starter
สามัญ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เข้ามาล่าสุด:พฤษภาคม 04, 2015, 03:39:43 pm
กระทู้: 1

ระบบปฏิบัติการ::
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
บราวเซอร์::
Chrome 21.0.1180.83 Chrome 21.0.1180.83


« เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2015, 03:40:00 pm »

แบ่งปันการรักษามะเร็งด้วยตนเองของคนเกาหลี
ดิชั้นได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งมีจุดสำคัญเกี่ยวกับการป้องกันการกลับมาอีกครั้งของโรคมะเร็ง โดยเป็นการหาแนวการรักษามะเร็งด้วยตนเองจากประสบการณ์ที่สังเกตคนใกล้ตัว หลายคนเมื่อรักษามะเร็งจนหายแล้ว พอทิ้งช่วงเวลาผ่านพ้น โรคมะเร็งก็มาอุบัติตรงส่วนอื่นของร่างกายอีกครั้ง การรักษามะเร็งในรอบแรกว่าลำบากแล้ว แต่พอมาเจอว่าเป็นโรคมะเร็งอีกครั้งก็ยิ่งอ่อนจิตอ่อนใจไปกันใหญ่ พอกำลังใจห่อเหี่ยวการรักษาก็ยิ่งลำบากลำบน เพราะแรงใจจากข้างในนั้นสำคัญไม่น้อยที่จะทำให้ผ่านพ้นวิกฤตของร่างกายได้ นี่คือเนื้อหาบางส่วนจากประสบการณ์ของคนเกาหลี​ใต้ที่กลับมาเป็นโรคมะเร็งรอบสอง (ผู้เขียนหนังสือเป็นนายแพทย์ชาวเกาหลีใต้ค่ะ) ในการรักษามะเร็งด้วยตนเองจนรอดช่วงเวลาเหล่านั้นได้อย่างมหัศจรรย์




คิมซึงฮวัน นักแสดงผู้พิชิตโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ : คิมซึงฮวันได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 2 เขารับความจริงข้อนี้ไม่ได้ จึงเข้ารับการผ่าตัดลำไส้ใหญ่บางส่วนออกทันทีทันใด แล้วต่อด้วยการรักษาเพื่อต่อต้านมะเร็งทันทีตลอดระยะเวลา 3 เดือน น้ำหนักของเขาลดลงทันที 20 กิโลกรัม เขาจึงจำเป็นต้องต้องหยุดงานแสดงไป ด้วยเหตุที่เขาเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงมาโดยตลอด การหาเหตุของโรคมะเร็งจึงไม่ยาก น่าจะมาจากอาชีพนักแสดงทำให้เวลาทำงานไม่แน่นอน เขามักจะดื่มเหล้าและกินเนื้อย่างที่จัดเลี้ยงที่กองถ่ายอยู่เป็นนิจ ประกอบกับความเคร่งเครียดที่ได้รับบทบาทที่ยากเกินไป ตอนนี้เขาจึงต้องปฏิรูปตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ วิธีการรักษามะเร็งด้วยตนเองของเขาเริ่มที่ข้าวปลาอาหาร ทันที่ตื่นนอนเขาจะดื่มน้ำหนึ่งแก้วแล้วตามด้วยแอ๊ปเปิ้ล ทั้งยังทานอาหารเช้าอย่างสม่ำเสมอ จากที่เมื่อก่อนแทบไม่เคยกินเลย เขาเพิ่มนมผสมผงผลไม้และโสมแดงเข้าไปในเมนูอาหารด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เขายังกินกระเทียมและหอมหัวใหญ่ทุกเมื่อเชื่อวัน และไม่เคยห่างจากอาหารบำรุงลำไส้ใหญ่ เช่น ปลาทูน่า ถั่วลิสง และหอยนางรมเลย เขาออกกำลังกายแบบแอโรบิกบ่อย ปั่นจักรยาน หรือเดินเร็ว เป็นต้น หลังจากผ่านการรักษามะเร็งด้วยตนเอง ตอนนี้คิมซึงฮวันไม่กลัวโรคมะเร็งอีกแล้ว เขามักจะบอกทุกคนว่าอย่าปักใจในสุขภาพตัวเองมากเกินไป ควรควบคุมตัวเองให้เป็นนิสัย และวอนขอทุกคนอย่างจริงจังว่า “อย่ากินเนื้อใหม้เด็ดขาด”

คังชินอิล ผู้เอาชนะมะเร็งตับด้วยการเดินเขา : ตับของคังชินอิลไม่ดีมาตั้งแต่เกิด จนเมื่อเข้าสู่วัย 40 ปี จึงพิจารณาพบว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งตับ แม้ตับจะไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เกิดแต่การจะให้ยอมรับว่าตัวเองเป็นมะเร็งตับนั้นก็ยากลำบากมาเลยทีเดียว เขาเริ่มจากการปรับปรุงชีวิตประจำวันของตัวเองใหม่ทั้งหมด เขาเข้ารับการผ่าตัดแต่นายแพทย์เจ้าของไข้กลับบอกว่า “การแบ่งโรคมะเร็งตับเป็นระยะแรกกับระยะสุดท้ายไม่ค่อยมีความหมายเท่าไหร่ ถึงจะผ่าตัดอวัยวะออกมาแล้ว ก็ยังอันตรายอยู่ดี ดังนั้นก็ยังรับประกันไม่ได้ว่าหายขาด และโรคมะเร็งอาจจะหวนกลับอีกเมื่อไหร่ก็ได้” คังชินอิลจึงคิดหาทางการรักษามะเร็งด้วยตนเองด้วยการออกเดินทางจากกรุงโซลออกไปนอกเมืองด้วยความต้องการว่าจะหายจากโรคให้เร็วที่สุด แม้คนรอบตัวจะทัดทาน แต่เขาก็ตัดสินใจเพิ่มความหนักแน่นให้กับร่างกายด้วยการเดินขึ้นเขาสูงชันกว่า 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลประจำวัน แม้การเดินเขาครั้งหนึ่งจะใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง เขาก็ยังเดินขึ้นเขาประจำวันไม่มีวันหยุด และอีกสิ่งที่ช่วยให้การรักษามะเร็งด้วยตนเองของเขาดีขึ้นคือความคิดเชิงบวกที่คอยบอกตัวเองว่า “แค่มะเร็งเท่านั้นเอง ฉันเอาชนะได้อยู่แล้ว” แม้บางวันเขาจะเจ็บปวด แต่เขาก็เห็นว่า “แค่ไม่สบายตัวเดี๋ยวเดียว” จนร่างกายของเขากลับมาแข็งแรงเหมือนคนหนุ่มและเริ่มรู้สึกถึงพลังของการออกกำลังกาย ปัจจุบันเขายังคงออกกำลังกายอย่างไม่ขาดสายไม่ว่าเป็นการวิ่งเหยาะๆ และซิตอัพ เป็นต้น เขาเลิกเหล้าและบุหรี่อย่างถาวร ทั้งยังบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพเช่นกัน เขาดื่มชาข้าวบาร์เลย์และน้ำอุ่นเป็นนิตย์ กินอาหารมังสวิรัติ เขาทำให้หมอเจ้าของไข้ตกใจกับร่างกายที่ฟื้นตัวเร็วทันใจของเขา แม้ปัจจุบันนี้จะยังไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าหายขาด แต่การปรับเปลี่ยนตัวเองทำให้เขาเอาชนะโรคมะเร็งได้ ปัจจุบันเขาใช้ชีวิตตามประจำทำงานอย่างต่อเนื่อง

คิมมินเกียว นักร้องผู้เอาชนะมะเร็งกระเพาะอาหาร : คิมมินเกียวเป็นนักเสดงอีกคนหนึ่งที่เคยพิชิตโรคมะเร็งโดยต่อสู้กับโรคด้วยความยึดมั่น และกลับมาเด่นได้อีกครั้ง โรคมะเร็งกระเพาะอาหารมักจะมากับอาการปวดท้องรุนแรง วันหนึ่งเมื่อปลายปี 2005 คิมมินเกียวรู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรงจนทนไม่ไหว เขาจึงไปโรงพยาบาลและได้รับการลงความเห็นว่าเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร เค้าได้เข้ารับการผ่าตัดทันควัน เป็นการผ่านตัดใหญ่ที่ใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง และต้องตัดกระเพาะอาหารออกไปถึง 70 เปอร์เซ็นต์! ผลการผ่าตัดออกมาดีแต่มีปัญหาเรื่องการควบคุมปริมาณอาหารและร่างกายที่อ่อนแรง ถึงตอนนี้เขาจึงคิดว่านอกจากวิถีทางของหมอแล้วการรักษามะเร็งด้วยตนเองน่าจะช่วยได้อีกทาง ซึ่งเขาคิดว่าการออกกำลังกายคือวิถีทางเดียวที่เขาจะกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้งเขาจังมีวินัยกับการออกกำลังกายอย่างบ่อยโดยการว่ายน้ำและจ้อกกิ้ง นอกจากนี้การรักษามะเร็งด้วยตนเองให้ได้ผลเขายังใช้แนวทางหายใจโดยได้เรียนรู้จากรุ่นพี่ที่สนิท ซึ่งเป็นผู้ถนัดการกำหนดลมหายใจแบบชองชุงเพื่อฟื้นฟูจังหวะการใช้ชีวิต การกำหนดลมหายใจแบบชองชุงเป็นวิธีหายใจที่เป็นแนวทางทางวิศวกรรมร่างกายและวิทยาการสมอง ให้เข้ากับการดำรงชีวิตของคนยุคปัจจุบัน ปรับกระดูกสันหลังและกระดูกก้นกบให้ตรง จึงช่วยลดความเครียดและทำให้สบายทั้งกายและใจ และข้อสรุปในการรักษามะเร็งด้วยตนเอง ทำให้ปัจจุบันคิมมินเกียวยังออกกำลังกายเป็นประจำ และดูแลเรื่องอาหารเป็นอย่างดี ทำให้พลานามัยดีกว่าก่อนผ่าตัดเสียอีก
ถึงแม้ในยุคปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์จะไฮเทคมากเพียงใด แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดในการเอาชนะโรคมะเร็งก็คือการรักษามะเร็งด้วยตนเอง ด้วยแนวอื่นๆ เพื่อช่วยส่งเสริมให้การรักษาของแพทย์นั้นสมบูรณ์เพิ่มขึ้น เพราะตามธรรมชาติร่างกายของเราสามารถรักษาตัวเองได้อยู่แล้ว เพียงแต่เราต้องการพลังใจจากข้างในนำออกมากระตุ้นภูมิคุ้มกันและระบบต่างๆ ในร่างกายให้ทำหน้าที่อย่างที่ควรจะเป็น จากเรื่องราวทั้งหมดข้างต้นจะเห็นได้ว่าพลังใจและความคิดในแง่บวกนั้นสำคัญมากทีเดียว และผู้ป่วยก็ไม่ได้มองหากำลังใจจากที่อื่นใดแต่เกิดขึ้นภายในจิตใจของตนเอง ด้วยพลังที่ตั้งม่ันว่าต้องการหายจากโรคให้ได้ จึงขอเป็นกำลังใจแก่ผู้ป่วยมะเร็งทุกท่านว่าให้มีกำลังใจและมองหาหนทางที่ดีที่สุดในการรักษามะเร็งด้วยตนเองจนหายขาดได้ในที่สุดค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2009, Simple Machines

Valid XHTML 1.0! Valid CSS! Dilber MC Theme by HarzeM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.275 วินาที กับ 23 คำสั่ง