นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร MPA สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเปรยว่า การแข็งค่าของเงินสกุลต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาเคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่า 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ นั้น มีสิ่งของสำคัญมาจากแนวทางผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐฯ ที่จากมาตรการเพิ่มปริมาณเงิน QE3 และ QE4 โดยอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน รวมถึงการเคลื่อนนโยบายอัดฉีดเงินของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่ประเทศไทยอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีกสักระยะ อย่างไรก็ตาม มองว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้จะส่งผลบุญต่อระบบเศรษฐกิจไทยมากกว่าจะไปพะวงกับตัวเลขการส่งออก ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ประเทศไทยอยู่ระหว่างขับยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มขีดความศักยการแข่งขันของประเทศ ด้วยการลงทุนธุรกิจ
เครื่องคำนวณพื้นที่โครงสร้างพื้นฐาน ที่รัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนกว่า 2.27 ล้านล้านบาท จึงถือเป็นงวดงามที่ภาครัฐต้องเร่งลงทุน และเป็นจังหวะเหมาะในการนำเข้าสินค้าทุนจากต่างประเทศมาใช้ก่อโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะนำเข้าได้ในราคาที่ต่ำลง ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนที่มีหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศ สามารถเร่งรัดนำเงินไปชำระหนี้เพื่อลดเงินต้นและธุระดอกเบี้ยได้อีกด้วย "ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอย่างสืบไป ส่งผลทั้งแง่บวกและลบ อยู่ที่จะมองมุมไหน และดัดตนจัดการอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งในช่วงที่ประเทศจำเป็นต้องลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การที่เงินบาทแข็งค่าก็ถือเป็นช่วงที่เหมาะเจาะ เพราะเราสามารถนำเข้าสินค้าทุนในราคาที่ถูกลง เช่น นำเข้าเครื่องคำนวณพื้นที่ นำเข้ารถไฟฟ้าได้ในราคาที่ถูก หรือสินค้าที่เราจำเป็นจะต้องต้องนำเข้าจำนวนมากอย่างเช่นน้ำมัน ที่เมื่อบาทแข็งค่า ทุนพลังงานก็ไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยกดตัวเลขสภาวะเงินเฟ้อไม่ให้สูงอีกด้วย"นายมนตรี กล่าว ผู้อำนวยการหลักสูตร MPA สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวด้วยว่า ส่วนภาคเอกชนที่มีความจำเป็นต้องลงทุนนั้น ช่วงนี้จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะลงทุนความเจริญรุ่งเรืองด้านเทคโนโลยีด้านการผลิต โดยสั่งซื้อเครื่องจักรที่ไฮเทคจากต่างประเทศเข้ามาใช้เพื่อลดใช้ผู้ใช้แรงงานคนเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการด้านการผลิตให้เงินลงทุนต่อหน่วยต่ำที่สุด หรือจะเลือกใช้ลงทุนขยายกิจการด้วยรูปแบบการร่วมทุนหรือซื้อธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการขับเคี่ยว รองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่า หากเงินบาทแข็งค่า ผลิตภัณฑ์ไทยจะส่งออกไม่ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งหมด เพราะสินค้าส่งออกของไทยมีหลายประเภท จึงจำเป็นต้องมีการตรวจเป็นรายอุตสาหกรรม หากเป็นสินค้าที่นำเข้าวัตถุดิบมาผลิตภายในประเทศ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ หรือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบกว่า 50-70% เพื่อใช้ผลิตและส่งออก ก็ถือเป็นกลุ่มที่ได้ผลกำไรจากค่าเงินบาทแข็ง ขณะที่กลุ่มสินค้าเกษตรที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารอาจจะได้รับผลพวงมากหน่อย แต่เนื่องจากสินค้ากลุ่มนี้เป็นสินค้าจำเป็นต้องต่อการดำรงชีวิต แม้ว่าราคาสินค้าจะแพงขึ้น แต่ก็เชื่อว่าจะด้วยคุณภาพของสินค้าไทยยังทำให้สามารถประชันได้ในตลาดโลกได้อย่างแน่นอน