ขึ้นได้ แต่แท้แล้วไม่ใช่ล่วงแกงกะทินั้นหมายถึงไขมันดีที่มีอยู่ในธรรมพร้อมทั้งร่างกายสามารถนำไปใช้ได้รับล่วง จึ่งเป็นไขสนุกดีที่เก่งบริโภคได้อย่างไรก็ตามกล้าจะต้องจำกัดการทานประเดี๋ยว เพราะอย่างไรสะก็ขึ้นว่าแม่น้ำลำคลองกะทิ อาจจะส่งผลมิดีกับร่างกายได้ เพราะว่าอะไรที่รับประทานมากเกินไปก็มิดี ควรบริโภคแต่พอดีจึงจะเหมาะสมสม เพราะมื้อกลางวันนั้นสำคัญเปล่าแพ้มื้อตอนเช้าเลยเพราะร่างกายจะนำศักดางานนี้ไปใช้ตลอดช่วงเอี้ยวที่เราต้องนั่งทำงานฉลอง และนั่งศึกษาจึงต้องหมายถึงงานที่สมสมเพื่อให้ให้ร่างร่างนำหยิบยกไปใช้ได้ทันที และลดตำแหน่งความเสี่ยงในการที่จะเป็นโรค กรดไหลย้อน
กันข้อนด้านมากเพราะความเจ็บไข้นี้เป็นโรคของคนรีบแห่งไม่ใส่ใจตัวเองให้ดี เนื่องจาก ในยุคนี้คนไม่นิยมทานข้าวเช้า ทั้งๆที่เป็นมื้อหลักข้าวของวันแต่จะรวบเอามื้อเพรางายมื้อกลางวันเอาไว้ด้วยกันแต่จะรับประทานกาแฟสนองอาหารการกินเช้า ซึ่งกาแฟหมายถึงของที่ส่งผลชั่วช้าแก่กระเพาะที่ว่างอาหารเป็นอย่างอื้อซ่า แล้วจากตื่นโครงกายของเรานั้นท้องจะว่างมากสามารถหรือซับซับคาเฟอีนจำนวนมากเอาไว้ได้อย่างแน่นอน แต่สมัยนิยมทำให้ข้ากาแฟเป็นหลักกับขนมปังที่มีน้ำดื่มตาลอุจทำให้โครงกายไม่ได้รับสสารที่พอสำหรับมื้อเช้าที่จำเป็น แต่กลับไปทำร้ายด้วยกาแฟและแม่น้ำลำคลองตาลแทนอาหารการกินดี จึงทำสละกลายเป็นโรคภัย กรดไหลย้อน
ทำไมคนในนี้ถึงทำงานหนักกันยิ่งนัก คำถามของผู้ใหญ่ที่มีต่อลูกหลานในตอนนี้ เพราะว่าในสายตาของคนยุคเก่าแก่ที่ทุกอย่างรีบและคนไม่ได้รับแข่งขันกันนี้และที่สำคัญคนไม่ได้ขึดติดกับวัตถุการตั้งกฎเกณฑ์มากขนาดนี้นั้น ในยุคนั้นกล้าหาญจะเป็นยุคที่มีสงครามข้าวลำบากลำบนหมากแพงก็จริง แต่คนในยุคนั้นก็ยังคงชำระคืนชีวิตได้ดีและมีบรรทัดในชำระคืนชีวิตที่ดีมากกว่าคนในกาลสมัยนี้เป็นอย่างอื้อซ่า ยกตัวทำนองง่ายๆเช่น คนในยุคนี้เป็นโรคภัย
กรดไหลย้อน กรดไหลย้อน
ของคนในยุคตรงนั้นพร้อมกับคนในยุคนี้ตรงนั้นมีจำนวนต่างกันมากเพราะคนในกาลสมัยก่อนทานอาหารที่โดนต้องตามหลักข้าวปลาอาหารงาน และสมในแต่ละมื้ออาหาร เช่นในช่วงเช้าจะทานอาหารอ่อนเน้นผักผลไม้ เพราะกระเพาะยังคงว่างอื้อซ่าอยู่อีกต่างหากเปล่าเสร็จย่อยของๆ ข้อความย่อยวัน ก็จะรับประทานหนักขึ้นเน้นเนื้อไม่ติดมันและ คืออาหารแห่งค่อนขั้วอยู่พุงอาจจะคือกะทิก็ได้เพราะแยะคนอาจจะมาถึงใจผิดว่าแกงกะทิไม่ดีเพราะทำให้อ้วนและอาจจะทำให้เกิดความเจ็บไข้ กรดไหลย้อน
ได้ไม่เบารุ่งโรจน์ พร้อมด้วยในมื้อเย็นเพราะว่าปกติคนสยามในสมัยก่อนจะนิยมรับประทานข้าวของแห่งไม่มันและทาผักมากขึ้น เพราะว่าจะไปโปรดมอบทำงานได้ดีขึ้นในขณะหลับไหล ยังทานเร็วกว่าคนในสมัยนี้อีกด้วย เพราะคนในยุคนั้นทานของกินหนาวประมาณหกโมงเย็นและจะเสร็จตอนประมาณหนึ่งทุ่มตรง ไม่ใช่ว่าเพราะไม่มีไฟฟ้าและกลัวว่าร้ายจะกับข้าวไม่มองเห็นอย่างไรก็ดีเค้ามีความเชื่อว่าการทานภัตจะทำให้ ดีต่อกระเพาะอาหารมากกว่าทั้งยังสะดวกท้องมากกว่าเวลานอนด้วย เพราะกว่าจะนอนก็ประมาณสามทุ่มเทซึ่งห่างจากมื้อสุดสี่ชั่วโมง ซึ่งหมายถึงเวลาที่ร่างกายได้ย่อยของกินส่วนบนไปบางส่วนทำให้อาหารนอนท้องและไม่คือโรค กรดไหลย้อน
นั้นอาจจะไม่ใช่เนื่องจากเครียดมากรุ่ง หรือความรู้น้อยลงเพราะเครียดนั้นคนทุกยุคและมีกระแสความลำบากลำบากไม่แพ้กัน แต่ความรู้เชื่อว่าในกาลสมัยตรงนี้นั้นย่อมจะหาได้สบายกว่า อย่างไรก็ตามคนในยุคนี้อาจจะนุ่ กรดไหลย้อน
ตามสมัยนิยมอีกตัวอย่างเช่นกัน ถ้าเทียบเข้ากับคนในยุคก่อนแล้ว ถึงแม้ว่าเค้าจะอยู่ในยุคข้าวหมากมีราคามีสงครามกับเมืองต่างๆมากมาย อย่างไรก็ตามคนยุคนั้นก็ไม่ชินได้ยินมีใครที่จะเป็นโรค กรดไหลย้อน
ซึ่งเหตุงานใช้อย่างถูกต้องทำคนในมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขทัศนียภาพแห่งดีกว่าคนในสมัยตรงนี้มาก แต่ก็เป็นเรื่องน่าแหวกแนวที่คนในสมัยก่อนนั้นไม่ได้มีความรู้และเรียนรู้ข่าวสารสาระได้อย่างง่ายดายเหมือนคนในปัจจุบัน ทั้งๆที่ในยุคนี้งานเสพหรือหาข้อมูลความนั้นง่ายแสนง่ายรวมหมดๆที่ทำนองอยู่แค่บนขา แต่กลับมีการใช้ชีวิตที่เปล่าดีเท่าคนในยุคก่อนที่มิมีการพาหะสารดี และมิมีเทคโนโลยีด้วยมาให้ความรู้เลย บางคนเกือบจะจะอ่านไม่ออกด้วยใหม่อย่างไรก็ดีเค้าก็สามารถใช้ชีวิตได้วิธีดีพร้อมทั้งมีคุณทิวภาพมากกว่าคนในยุคตรงนี้มากจริงๆ นี้จึงเป็นเรื่องน่าได้คิดนินทาคนในสมัยตรงนี้เป็น กรดไหลย้อน
มากเพียงคนในยุคตรงนี้เลย เพราะคนในยุคนั้นใส่ใจกับในทั่วๆมีและเลือกรับประทานขอสดสะอาดและมีประโยชน์ เช่น ในตอนเช้าก็จะหาอะไรรับประทานง่ายๆ และมักจะเป็นอาหารแบบอ่อนๆอาทิเช่น โจ้ก เกาเหลา ต้นข้าวผลไม้ต่างๆ หลีดเลี่ยงอาหารแห่งมีรสจัด แต่จะทานอาหารให้พวกแหล่งเท่าที่จะทำได้นั้นจึงเป็นต้นเหตุที่เมื่อเปรียบเสมือนเทียบอัตราการเกิดโรค กรดไหลย้อน
Dilber MC Theme by HarzeM