ชมรมเจ้ามือหวย
 
*
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน ตุลาคม 08, 2024, 06:45:26 pm


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น


ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวด 16 กรกฎาคม 2565 รางวัลที่ 1 620405 รางวัล3ตัวหน้า 159 834 รางวัล3 ตัวท้าย 279 061 รางวัลเลขท้าย 2ตัว 53




เว็บโปรแกรมเจ้ามือหวย



ทำงานแบบมีหลักการ ไม่กล้าจนเกินตัว ไม่กลัวจนเกินเหตุ
ปณิธานของชมรมเจ้ามือหวย
ทางชมรมเจ้ามือหวย หวังแค่เพียงเพื่อนๆ อยู่กันแบบเป็นพี่เป็นน้อง จริงใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ร่วมมือกันในการแบ่งปันข้อมูล มีอะไรดีๆ ก็นำเสนอแก่เพื่อนสมาชิก เพื่อเป็นแนวทางในการทำงาน
หรือระวังป้องกันให้ชาวชมรมได้อยู่ในวงการตลอดไปนานเท่านาน
ขอบคุณจากใจจริง
nongnai


หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เซลล์เม็ดเลือดขาว cd4 กับลาดเลาการแพทย์แผนปัจจุบันในงานรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วยโรคเอดส์  (อ่าน 478 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
JoshuaPowell25Topic starter
ขายของ
Hero Member
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เข้ามาล่าสุด:ธันวาคม 28, 2017, 11:40:46 pm
กระทู้: 7729

จาก

ระบบปฏิบัติการ::
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
บราวเซอร์::
Safari Safari


อีเมล์
« เมื่อ: สิงหาคม 01, 2017, 06:30:08 pm »

โดยทั่วไปร่างกายจะผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวไม่กี่ล้านเซลล์ แต่เจ้าไวรัสเอชไอวี สามารถแบ่งตัวได้มากถึงวันละหมื่นล้านตัว นับว่าเป็นเลขจำนวนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนจนน่าตื่นตกใจเลยใช่มั้ยครับ

ต่อนี้ไปเรามาดูกันว่าหมอมีวิธีการวินิจจัยและจ่ายยาต้านไวรัสให้ผู้ป่วย โดยพินิจจากปริมาณเม็ดเลือดขาวหรือ cd4 อย่างใด

ในล่าสุดวิวัฒนาการทางการแพทย์ทันสมัยก้าวหน้าไปมาก ทำให้การวินิจฉัยความเจ็บไข้ต่างๆ สามารถทำได้อย่างฉับพลัน และช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพของผู้ป่วยได้มากมาย

การถอยอย่างมากของเซลล์เม็ดเลือดขาวจะเป็นวี่แววของอาการที่จะเกิดขึ้นก่อน 1 ปี ก่อนที่จะวินิจฉัยว่าคนป่วยเป็นโรคเอดส์อย่างสมบูรณ์แบบ การป้องกันร่างกายที่ดีจึงควรเข้ารับการตรวจวัดระดับเซลล์เม็ดเลือดขาว (cd4) อย่างบ่อย เนื่องจากระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวมีความสลักสำคัญอย่างมากที่จะใช้เป็นแนวทางในการรักษาพยาบาล หรือการให้ยาต้านไวรัสแก่คนไข้เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนบางพวก เช่น ระดับ T-cells น้อยกว่า 200 แพทย์จะให้การดูแลป้องกันโรคปอดอักเสบ เป็นต้น

ผู้ที่ติดเชื้อที่ระดับเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลงอย่างทันทีทันใดในช่วงติดเชื้อใหม่และไม่สามารถรักษาพยาบาลระดับเซลล์เม็ดเลือดขาวให้คงเดิมได้ มีความโน้มเอียงที่จะมีอาการของโรคเอดส์เร็วกว่าปกติครับผม เมื่อใดที่การตรวจวัดระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวอยู่ที่ 200-500 นั่นกล่าวถึงว่าระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ถูกทำลายแล้ว

ซึ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวเองก็เป็นพารามิเตอร์แม่แบบที่หมอใช้ในการวินิจฉัยโรคในระดับต้น

ยาต้านไวรัสเอดส์โดยมากใช้ได้ผลดี แต่ก็ยังอาจพบปัญหาของการใช้ยาบางประการ ได้แก่ ปัญหาจากผลข้างเคียงของยา อุปสรรคการดื้อยาทั้งในระยะ

ค่าปกติธรรมดาเม็ดเลือดขาวหรือ WBC คือ ประมาณ 5000-10000 cells/cu.mm.ส่วนค่า % Lymp จะไม่เหมือนกัน บางคนสูง บางคนต่ำ ค่าธรรมดาของ % Lymp อยู่ในช่วงราว 19-48% ฉะนั้นจึงต้องดูค่าทั้ง 3 อย่างเเละนำไปใส่สมการสูตรคำนวณออกมา

เพราะเช่นนั้นค่าที่เป็น Absolute cd4 จึงเป็นค่าที่นำไปเป็นหลักเกณฑ์การรับยาต้านไวรัส ถ้าค่า cd4 ต่ำกว่า 200 ลงมา ก็ไปพบคุณหมอเพื่อขอกินยาต้านไวรัสได้เลย อย่างไรก็ตามถ้ายังสูงมากกว่า 200 ก็อย่าเพิ่งกินยาต้าน ให้รักษาตามอาการเเทรกซ้อนด้วยยาเฉพาะโรคอื่นๆ ไปก่อนครับผม ซึ่งยาต้านไวรัสเอดส์หรือบางคนเรียกสั้นๆ ว่า
ยาต้าน
 ศัพท์แสงทางการแพทย์เรียกว่า
เออาร์วี
 (ARV) ย่อมาจาก antiretroviral cd4

แต่ถ้าพูดถึงชื่อย่อ cd4 อาจจะไม่รู้ว่าคืออะไร ขอเล่าง่ายๆ ครับว่า cd4 เป็นครั้งคราวถูกเรียกว่า T-cells หรือ T-helper cells เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งจัดระบบภูมิต้านทานของร่างกายต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส ซึ่งเจ้าเซล์เม็ดเลือดชนิดนี้มีจุดสำคัญต่อการวินิจฉัยการติดโรคเอชไอวี ด้วยเพราะเป็นเซลล์ที่เชี้อเอชไอวีเข้าไปโจมตีทำลาย

โดยระดับปกติธรรมดาของ T-cells ในคนที่ไม่ติดเชื้อเอชไอวี จะอยู่ระหว่าง 400 – 1600 ต่อเลือด 1 ลบ.มม. และ T-cells ของสุภาพสตรีที่ไม่ติดเชื้อเอชไอวี นั้นจะมีแนวโน้มที่สูงกว่านิดหน่อย คือ 500 – 1600.

แม้กระนั้นว่าถ้าคุณไม่มีเชื้อ เอชไอวี แต่ก็ยังมีหลายปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณ T-cells เช่น T-cells ของผู้หญิงจะขึ้นและลงในช่วงที่มีเมนส์ ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดจะทำให้ปริมาณ T-cells ลดน้อยลงได้ หรือในบางขณะที่ร่างกายพักเหนื่อย T-cells จะลดระดับลงและลดลงได้มากถึง 40% ฯลฯ

ในล่าสุดมียาต้านไวรัสเอดส์ส่วนมาก ออกฤทธิ์ยับยั้งการขยายพันธุ์ทำให้เชื้อไวรัสเอดส์เบาลงได้ และช่วยปกป้องรักษาไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าไปทำร้ายเซลล์เม็ดเลือดขาวพวก T-cell

ปัจจุบันเราใช้จำนวนรวมเซลล์ cd4-T lymphocyte และปริมาณเชื้อ viral load หรือ HIV RNA มาเป็นตัวบอกระยะและพยากรณ์ของโรค เช่น ผู้ที่มีปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวT lymphocyte มากกว่า 500 cells/mm3 จะมีโอกาสเสี่ยงต่ำในการเกิดโรคเอดส์และโรคแทรกซ้อนอื่นใน 3 ปี การเจาะตรวจ T-cells ควรจะเจาะทุก 3-6 เดือนขึ้นกับสภาพของผู้ป่วย ผู้ที่เจาะได้เซลล์ผลรวมน้อยก็ต้องเจาะถี่ขึ้น ส่วนผู้ที่มีเซลล์มากก็เจาะทุก 6 เดือน

เซลล์ตัวนี้มีความสำคัญตรงที่ทำภาระหน้าที่เป็นเหมือนตัวดูแลระบบภูมิต้านทานทั้งมวล พอเซลล์นี้ถูกทำร้ายไประบบภูมิต้านทานก็ทำงานผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถพิทักษ์ร่างกายจากเชื้อโรคต่างๆ ได้ เมื่อร่างกายติดไวรัสเหล่านี้เข้าพร้อมกันๆ กันก็จะเกิดเป็นโรคเอดส์ท้ายที่สุด การตรวจสอบหาจำนวนของ T-cells จึงเป็นตัวช่วยบ่งชี้ว่าระบบภูมิต้านทานของร่างกายยังทำงานดีอยู่หรือ และเชื้อเอชไอวีทำให้ระบบภูมิต้านทานแย่ไปจนถึงเวลาที่ต้องรับยาต้านไวรัสหรือยัง
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2009, Simple Machines

Valid XHTML 1.0! Valid CSS! Dilber MC Theme by HarzeM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.219 วินาที กับ 23 คำสั่ง