แม้กระนั้นว่าถ้าคุณไม่มีเชื้อ เอชไอวี แต่ก็ยังมีหลายเหตุที่มีผลต่อปริมาณ T-cells เช่น T-cells ของสุภาพสตรีจะขึ้นและลงในช่วงที่มีเมนส์ ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดจะทำให้ปริมาณ T-cells ลดน้อยลงได้ หรือในบางขณะที่ร่างกายพักผ่อน T-cells จะลดระดับลงและลดลงได้มากถึง 40% เป็นต้น
ล่าสุดเราใช้จำนวนรวมเซลล์ cd4-T lymphocyte และปริมาณเชื้อ viral load หรือ HIV RNA มาเป็นตัวบอกระยะและพยากรณ์ของโรค ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีผลรวมเซลล์เม็ดเลือดขาวT lymphocyte มากกว่า 500 cells/mm3 จะมีโอกาสเสี่ยงต่ำในการเกิดโรคเอดส์และความเจ็บป่วยแทรกซ้อนอื่นใน 3 ปี การเจาะตรวจ T-cells ควรจะเจาะทุก 3-6 เดือนขึ้นกับสภาพของคนป่วย ผู้ที่เจาะได้เซลล์ปริมาณน้อยก็ต้องเจาะถี่ขึ้น ส่วนผู้ที่มีเซลล์มากก็เจาะทุก 6 เดือน
ค่าปกติธรรมดาเม็ดเลือดขาวหรือ WBC คือ ประมาณ 5000-10000 cells/cu.mm.ส่วนค่า % Lymp จะไม่เหมือนกัน บางคนสูง บางท่านต่ำ ค่าประจำของ % Lymp อยู่ในช่วงราว 19-48% ฉะนั้นจึงต้องดูค่าทั้ง 3 อย่างเเละนำไปใส่สมการสูตรคำนวณออกมา
ในปัจจุบันนี้วิวัฒนาการทางการแพทย์ทันสมัยก้าวหน้าไปมาก ทำให้การวินิจฉัยโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และช่วยลดการเสี่ยงในการเสียชีวิตหรือเป็นอัมพาตของผู้ป่วยได้เยอะแยะ
ในล่าสุดมียาต้านไวรัสเอดส์มากมาย ออกฤทธิ์ระงับการขยายพันธุ์ทำให้เชื้อไวรัสเอดส์บรรเทาเบาบางได้ และช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าไปทำร้ายเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด T-cell
ซึ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวเองก็เป็นพารามิเตอร์ต้นแบบที่คุณหมอใช้ในการวินิจฉัยโรคในดั้งเดิม
การเสื่อมอย่างมากมายของเซลล์เม็ดเลือดขาวจะเป็นเครื่องแสดงของอาการที่จะเกิดขึ้นก่อน 1 ปี ก่อนที่จะวินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็นโรคเอดส์อย่างสมบูรณ์แบบ การปรนนิบัติร่างกายที่ดีจึงควรเข้ารับการตรวจสอบวัดระดับเซลล์เม็ดเลือดขาว (
cd4) อย่างโดยตลอด เนื่องจากระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวมีความสลักสำคัญอย่างมากที่จะใช้เป็นแนวทางในการรักษา หรือการให้ยาต้านไวรัสแก่ผู้เจ็บป่วยเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อนบางพวก เช่น ระดับ T-cells น้อยกว่า 200 แพทย์จะให้การดูแลคุ้มกันโรคปอดอักเสบ เป็นต้น cd4
โดยระดับปกติของ T-cells ในคนที่ไม่ติดเชื้อเอชไอวี จะอยู่ระหว่าง 400 1600 ต่อเลือด 1 ลบ.มม. และ T-cells ของหญิงที่ไม่ติดเชื้อเอชไอวี นั้นจะมีความโอนเอียงที่สูงกว่านิดหน่อย คือ 500 1600.
แต่ถ้าพูดถึงชื่อย่อ cd4 อาจจะไม่รู้ว่าคืออะไร ขออธิบายง่ายๆ ครับว่า cd4 บางคราวถูกเรียกว่า T-cells หรือ T-helper cells เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งจัดระบบภูมิต้านทานของร่างกายต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส ซึ่งเจ้าเซล์เม็ดเลือดชนิดนี้มีความสำคัญต่อการวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวี ด้วยเพราะเป็นเซลล์ที่เชี้อเอชไอวีเข้าไปทำร้ายทำลาย
ด้วยเหตุนั้นค่าที่เป็น Absolute cd4 จึงเป็นค่าที่นำไปเป็นกฏเกณฑ์การรับยาต้านไวรัส ถ้าค่า cd4 ต่ำกว่า 200 มา ก็ไปพบหมอเพื่อขอกินยาต้านไวรัสได้เลย ถึงกระนั้นถ้ายังสูงมากกว่า 200 ก็อย่าเพิ่งทานยาต้าน ให้รักษาพยาบาลตามอาการเเทรกซ้อนด้วยยาเฉพาะโรคอื่นๆ ไปก่อนครับผม ซึ่งยาต้านไวรัสเอดส์หรือบางคนเรียกสั้นๆ ว่า
ยาต้าน
คำศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า
เออาร์วี
(ARV) ย่อมาจาก antiretroviral
เซลล์ตัวนี้มีความสำคัญตรงที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวควบคุมระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมด พอเซลล์นี้ถูกทำร้ายไประบบภูมิคุ้มกันก็ทำงานผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถป้องกันร่างกายจากเชื้อโรคต่างๆ ได้ เมื่อร่างกายติดเชื้อโรคเหล่านี้เข้าพร้อมๆ กันก็จะเกิดเป็นโรคเอดส์ในบั้นปลาย การตรวจหาจำนวนของ T-cells จึงเป็นตัวช่วยบ่งชี้ว่าระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายยังทำงานดีอยู่หรือเปล่า และเชื้อเอชไอวีทำให้ระบบภูมิต้านทานแย่ไปจนถึงเวลาที่ต้องรับยาต้านไวรัสหรือยัง
ยาต้านไวรัสเอดส์เป็นส่วนใหญ่ใช้ได้ผลดี แต่ก็ยังอาจพบอุปสรรคของการใช้ยาบางประการ ได้แก่ อุปสรรคจา
โดยทั่วไปร่างกายจะผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวไม่กี่ล้านเซลล์ แต่เจ้าไวรัสเอชไอวี อาจแบ่งตัวได้มากถึงวันละหมื่นล้านตัว นับว่าเป็นเลขที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนจนน่าตื่นเต้นตกใจเลยใช่มั้ยครับ
ครั้งนี้เรามาดูกันว่าผู้รักษามีวิธีการวินิจจัยและจ่ายยาต้านไวรัสให้คนไข้ โดยพิจารณาจากปริมาณเม็ดเลือดขาวหรือ cd4 ไง
ผู้ที่ติดเชื้อที่ระดับเซลล์เม็ดเลือดขาวร่อยหรออย่างฉับพลันในช่วงติดเชื้อใหม่และไม่สามารถรักษาพยาบาลระดับเซลล์เม็ดเลือดขาวให้เท่าเดิมได้ มีแนวโน้มที่จะมีอาการของโรคเอดส์เร็วกว่าปกติครับผม เมื่อใดที่การตรวจสอบวัดระดับของเซลล์เม็ดเลือดขาวอยู่ที่ 200-500 นั่นกล่าวถึงว่าระดับภูมิต้านทานของร่างกายได้ถูกทำร้ายแล้ว