คนไทยทุกคนจะได้รับสิทธิประกันสวัสดิการสุขภาพถ้วนหน้า เมื่อเริ่มทำงานจะได้สวัสดิการของหน่วยงาน โดยบริษัทเอกชนหรือหน่วยงานของรัฐจะให้พนักงานสมัครเข้าระบบประกันสังคมและกองทุนทดแทน เมื่อออกจากงานก็เลือกได้ว่าจะอยู่ในระบบประกันสังคมหรือกลับสู่ประกันสุขภาพถ้วนหน้า
ในองค์กรที่มีความใส่ใจในสวัสดิการพนักงานจะมีการจัดทำสวัสดิการเบิกค่ารักษาพยาบาลจากองค์กรหรือทำประกันกลุ่มที่มีการคุ้มครองทั้งประกันชีวิต ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก ทันตกรรม แต่คุ้มครองเฉพาะในช่วงที่เป็นพนักงาน หากลาออกหรือเกษียณก็จะไม่ได้รับการคุ้มครอง
ดังนั้น หากประเมินสวัสดิการที่มีแล้วว่าไม่เพียงพอต่อระดับความต้องการบริการ ทั้งด้านเวลาที่ต้องรอคอยตามระบบที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก วิธีการรักษาที่จะใช้เทคโนโลยีที่สูงแต่ไม่สามารถเบิกได้ คุณภาพยาที่แตกต่างกัน คุณภาพห้องพักโรงพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าสิทธิประโยชน์ที่มี การมีประกันสุขภาพส่วนบุคคลก็เปรียบเสมือนเกราะชั้นที่ 2 เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน หากเจ็บป่วยขึ้นมา
ความคุ้มครองที่สูงจะมาพร้อมกับค่าเบี้ยประกันภัยที่สูง ดังนั้น การทำงบประมาณรายรับรายจ่าย เพื่อประมาณการค่าเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับการโอนความเสี่ยง โดยควรศึกษารายละเอียด ดังนี้
1. งบประมาณ
เบี้ยประกันปีแรก
เบี้ยประกันปีต่ออายุ ซึ่งเบี้ยประกันจะเพิ่มขึ้นตามช่วงอายุ หรือบางกรมธรรม์มีการเพิ่มเบี้ยตามการเคลมสินไหม
การชำระเบี้ยรายปี จะประหยัดกว่าการชำระเบี้ยรายเดือน
เลือกความคุ้มครองที่เหมาะสม ประกันสุขภาพ ดูเพิ่มเติมที่นี่ https://todo-lujo.com/